วิทวัส ท้าวคำลือ (ชื่อเล่น : มาร์ค ตั้งตามนามของมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสาร) เป็นผู้เข้าประกวดเรียลลิตีโชว์ ในรายการทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซันที่ 7 ซึ่งจัดโดยทรูวิชันส์ เขามีชื่อเสียงเมื่อตกเป็นประเด็นถกเถียงในอินเทอร์เน็ต และกลายเป็นข่าวตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เนื่องจากการลงข้อความวิพากษ์วิจารณ์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งในช่วงท้ายปี หนังสือพิมพ์ข่าวสดจัดอันดับให้เขาเป็น 1 ใน 10 บุคคลแห่งปี พ.ศ. 2553 ปัจจุบัน วิทวัสกลับสู่วงการบันเทิงไทยอีกครั้ง ด้วยการเป็นนักแสดงภาพยนตร์
วิทวัส ท้าวคำลือ เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2536 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนกลาง ในบรรดาบุตรชายสามคน ของวทัญญู (บิดา) และเร็จวรรณา (มารดา) ซึ่งเป็นครอบครัวที่นับถือคริสต์ศาสนา จบการศึกษาระดับมัธยม แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ผ่านการฝึกฝนร้องเพลงจากโรงเรียนดนตรีมีฟ้า และมีความสามารถในการเล่นไวโอลิน ปัจจุบันศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตภาคอินเตอร์
ก่อนจะผ่านการคัดเลือกให้เข้าประกวดเอเอฟ 7 เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 วิทวัสลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สั่งให้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยเริ่มปรากฏเป็นประเด็นถกเถียงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มการประกวด จากสมาชิกของกลุ่มยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคมในเฟซบุ๊ก จากนั้นลุกลามไปยังเว็บบอร์ดอีกหลายแห่ง รวมถึงเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ในวันที่ 6 กรกฎาคม
บริษัท ทรูวิชันส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรายการทรูเอเอฟ ออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม โดยมีใจความสำคัญว่า การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของผู้เข้าแข่งขันนั้น เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าร่วมรายการ รวมทั้งเป็นสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล และเห็นว่าผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอยู่แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม มีกระแสข่าวลือออกมาอีกว่า วิทวัสเคยลงข้อความ ที่มีเนื้อหาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อค่ำวันที่ 23 พฤษภาคม อีกด้วย ฝ่ายมารดาของวิทวัสปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง โดยเห็นว่าน่าจะมีผู้ไม่หวังดีมาตัดต่อภาพ พร้อมทั้งยืนยันว่าครอบครัวทุกคนจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรก ของผู้เข้าประกวดทุกคน ในเวลา 19:30 น. บิดาและมารดาของวิทวัส เปิดแถลงข่าวที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สถานที่แสดงคอนเสิร์ต โดยกล่าวว่า พวกตนแจ้งกับทรูวิชันส์เพื่อไม่ให้วิทวัสขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตในวันนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการให้บุตรชายต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม โดยเมื่อเศรษฐา ศิระฉายา พิธีกรประจำการแข่งขัน ประกาศถึงเหตุการณ์ดังกล่าวบนเวที บรรดาแฟนคลับของวิทวัส ต่างก็แสดงความไม่พอใจ แต่ก็มีผู้ชมอีกส่วนหนึ่งแสดงความยินดี
ทั้งนี้ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของทรูวิชันส์ ตัวแทนของผู้จัดประกวด ตอบคำถามผู้สื่อข่าว หลังการแถลงข่าวว่า คะแนนโหวตระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะมีการบันทึกไว้เช่นเดิม แม้วิทวัสจะไม่ได้ขึ้นเวทีก็ตาม และจะนำไปรวมกับความเห็นในสัปดาห์ถัดไป โดยไม่ถือเป็นการผิดกฎกติกาของการประกวด หรือมีความได้เปรียบเสียเปรียบกันแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการพิจารณาตามสถานการณ์ ซึ่งมีความล่อแหลมอยู่พอสมควร จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง ของวทัญญูและเร็จวรรณาดังกล่าว ซึ่งวิทวัสเองยังไม่ทราบว่าตนเองจะไม่ได้ขึ้นเวที และขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เขาจะได้อยู่ในการประกวดต่อไปหรือไม่ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย
ส่วนศรัทธา ศรัทธาทิพย์ และอรวรรณ เย็นพูนสุข ครูใหญ่ของการประกวด เชื่อว่าวิทวัสคงทราบ ว่าเหตุใดจึงไม่ได้ขึ้นเวที อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 กรกฎาคม คงต้องเข้าไปอธิบายให้ทั้ง 12 คนเข้าใจตรงกัน สำหรับกรณีมีผู้เห็นว่ายุติธรรมหรือไม่ เมื่อวิทวัสไม่ได้ขึ้นเวที แต่ยังมีคะแนนโหวต ตนคิดว่าผู้เข้าประกวดคนอื่น น่าจะรู้สึกดีเสียมากกว่า ที่มีโอกาสขึ้นร้องเพลง ขณะที่วิทวัสไม่ได้ขึ้นเวที แต่ตนเห็นว่า การที่วทัญญูและเร็จวรรณาแถลงข่าวไปนั้น ก็เป็นเรื่องนอกเหนือกติกาตั้งแต่แรกแล้ว
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 14:30 น. ที่ห้องไลเบอรี่ โรงแรมเอตัส ถนนสุขุมวิท 15 (ซอยร่วมฤดี) วทัญญู เร็จวรรณา และวิทวัส ท้าวคำลือ พร้อมด้วยทนายความ แถลงข่าวร่วมกัน โดยประกาศว่า วิทวัสขอถอนตัวจากการประกวด ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซันที่ 7 เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง และต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในสังคม ทั้งนี้ บิดาของวิทวัสยอมรับว่า บุตรชายลงข้อความแสดงความเห็นทางการเมืองในเฟซบุ๊กจริง ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากมีโอกาส ตนจะขอพาวิทวัสเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อเข้าขออภัยกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ส่วนที่มีผู้กล่าวหาว่า บุตรชายตนลงข้อความดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยนั้น ตนสอบถามได้ความว่า วิทวัสมิได้กระทำดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งยังพบว่าข้อความดังกล่าวเป็นการตัดต่อ ตนจึงแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอสันทรายแล้ว รวมทั้งตนยังขอร้องกับทรูวิชั่นส์ เพื่ออนุญาตให้บุตรชายขึ้นแสดงคอนเสิร์ต ร่วมกับเพื่อนๆ ผู้เข้าประกวด ในวันที่ 17 กรกฎาคม เป็นครั้งสุดท้ายด้วย ส่วนวิทวัสกล่าวยอมรับว่าลงข้อความตำหนินายอภิสิทธิ์จริง และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไป เนื่องจากตนเป็นวัยรุ่น จึงนับว่ายังไม่มีวิจารณญาณมากพอ พร้อมทั้งขอโอกาสให้ตนได้แก้ตัว เพราะในชีวิตของทุกคน ต่างก็เคยทำผิดมาแล้ว ทั้งนี้ บิดาและมารดาของวิทวัส ยังแสดงประกาศนียบัตร โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนทางดนตรี จากสหรัฐอเมริกา แก่ผู้สื่อข่าวด้วย
ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าว ทีมงานทรูวิชั่นส์ ก็ส่งวิทวัสกลับไปยังบ้านเอเอฟ ที่ทรูวิชั่นส์สตูดิโอ หมู่บ้านแมกโนเลีย ถนนบางนา-ตราด อีกครั้งหนึ่ง โดยในวันที่ 15 กรกฎาคม ทรูวิชั่นส์ออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาที่สำคัญคือ ผู้ผลิตรายการเคารพการตัดสินใจของนายวทัญญู นางเร็จวรรณา และบุตรชาย พร้อมทั้งไม่ขัดข้องที่วิทวัส จะขอขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตวันเสาร์นี้ และยังแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งขอชื่นชมในความกล้าหาญของวิทวัสที่แสดงความรับผิดชอบกระทำของตนเอง โดยหวังว่าสังคมจะให้อภัยและให้โอกาสในการปรับปรุงและพิสูจน์ตนเองแก่วิทวัสต่อไป นอกจากนี้ ผู้ผลิตรายการยังตัดสินใจมอบคืนค่าลงคะแนนที่ผู้ชมให้แก่วิทวัส ตั้งแต่วันที่ 5-17 กรกฎาคม ในรูปของค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบทรูมูฟ ตามมูลค่าที่ผู้ชมแต่ละคนลงคะแนนไป